ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับรถยนต์อีโคคาร์ซีดาน 4 ประตู ภายใต้ชื่อ “มิตซูบิชิ แอททราจ” ของบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) อย่างสดๆ ร้อนๆ เมื่อไม่นานมานี้ ภายใต้แนวคิด “แอททราจ ... ก้าวที่เหนือใคร”
หลังจากที่ประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมากับ “มิตซูบิชิ มิราจ” อีโคคาร์ 5 ประตู ด้วยการกวาดยอดขายรวมไปได้ทั้งหมด 5 หมื่นคัน ซึ่งเป็นการสะท้อนเสียงตอบรับได้เป็นอย่างดีในรุ่นที่ผ่านมา
หลังจากที่ประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมากับ “มิตซูบิชิ มิราจ” อีโคคาร์ 5 ประตู ด้วยการกวาดยอดขายรวมไปได้ทั้งหมด 5 หมื่นคัน ซึ่งเป็นการสะท้อนเสียงตอบรับได้เป็นอย่างดีในรุ่นที่ผ่านมา
จนกระทั่งล่าสุดที่ได้มีการเปิดตัว “มิตซูบิชิ แอททราจ” ในโชว์รูมกว่า 186 แห่งทั่วประเทศ เสียงตอบรับของอีโคคาร์ซีดานรุ่นใหม่นี้ก็ดีไม่หยุดหย่อนโดยมียอดจองไปแล้วกว่า 2,000 คันในระยะเวลาเพียงไม่นาน จากผู้ที่ลงทะเบียนแสดงความสนใจกว่า 2 หมื่นคน
ซึ่งเป้าหมายที่ มิตซูบิชิ คาดหวังไว้ในรุ่นนี้จนถึงสิ้นปีนี้อยู่ที่ 2 หมื่นคัน หรือมียอดขายต่อเดือนที่ 3,000-4,000 คันต่อเดือน ซึ่งภายหลังการเปิดตัว มิตซูบิชิ ได้เริ่มทยอยส่งมอบรถยนต์รุ่นดังกล่าวให้กับลูกค้าไปแล้วส่วนหนึ่ง
“มิตซูบิชิ แอททราจ” มาพร้อมด้วยการออกแบบดีไซน์ที่พัฒนาเพื่อการตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ด้วยความครบครันของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เรียกได้ว่า “จัดเต็ม” เมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน
สำหรับดีไซน์ภายนอกมีขนาดที่ใหญ่ไม่น้อยหน้ารถยนต์นั่งขนาดเล็ก (บี-เซ็กเมนต์) หรือรถซิตี้คาร์ ยอดฮิตในตลาด ถึงแม้จะเป็นรถอีโคคาร์ก็ตาม ซึ่งมาพร้อมการออกแบบกระจังหน้าโครเมี่ยม และกันชนหน้าขนาดใหญ่สไตล์สปอร์ต พร้อมไฟหน้าแบบฮาโลเจน และไฟตัดหมอกหน้าตกแต่งด้วยโครเมี่ยม รวมถึงกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED ซึ่งสามารถปรับและพับไฟฟ้าได้ ส่วนที่เก็บสัมภาระด้านหลังยิ่งใหญ่อลังการด้วยขนาดความจุ 450 ลิตร
เปิดประตูเข้ามาภายในห้องโดยสาร พบกับความกว้างขวางด้วยการให้สีสันที่ดูสว่าง พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายด้านฟังก์ชั่นการใช้งานและความบันเทิง ด้วยจอภาพทัชสกรีนขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง (เนวิเกเตอร์) และสามารถแสดงภาพจากกล้องมองหลังขณะถอยจอด รวมถึงการเชื่อมต่อความบันเทิงจากอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านช่องเชื่อมต่อ USB AUX และบลูทูธ
มาถึงขุมพลังเครื่องยนต์ของเจ้า “มิตซูบิชิ แอททราจ” คันนี้ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน DOHC MIVEC ขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบ 12 วาล์ว ให้พละกำลังสูงสุด 78 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ซึ่งถูกออกแบบท่อไอดีแบบใหม่เพื่อให้อากาศไหลเข้าเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น พร้อมระบบวาล์วแปรผันด้านไอดี MIVEC ช่วยให้เครื่องยนต์ตอบสนองการขับขี่ได้ในทุกรอบความเร็ว
ซึ่งทำงานร่วมกับระบบส่งกำลัง (เกียร์) แบบธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ควบคุมการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ทำให้การปรับเปลี่ยนเกียร์เป็นอย่างนุ่มนวลและแม่นยำ รักษารอบเครื่องไว้อย่างต่อเนื่อง เพื่อประสิทธิภาพในการขับขี่และประหยัดน้ำมัน
สำหรับระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโครงช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม
จุดเด่นในความไม่ธรรมดาขอเจ้าอีโคคาร์คันนี้อยู่ที่โครงสร้างตัวถังแบบ RISE Body ซึ่งมีน้ำหนักเบาแต่มีความปลอดภัยสูงจากเหล็กชนิดพิเศษ พร้อมระบบความปลอดภัยด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) พร้อมถุงลมนิรภัย (AIRBAG)
อีกทั้งระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อัจฉริยะ INVES III ที่สามารถวิเคราะห์ลักษณะนิสัยการขับขี่ของผู้ขับแต่ละคนเพื่อนำไปประมวลผลในการเปลี่ยนเกียร์ และรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดที่ 4.8 เมตร รวมถึงอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 22 กม./ลิตร
ไม่เท่านั้น ยังมาพร้อมระบบกุญแจอัจฉริยะ KOS ที่สามารถ ล็อก-ปลดล็อก ประตูหน้าและสตาร์ทเครื่องยนต์จากภายนอกตัวรถ (ในรัศมี 70 ซม.) พร้อมระบบล็อกประตูซ้ำอัตโนมัติเมื่อกดปุ่มปลดล็อก และไม่มีการเปิดประตูภายใน 30 วินาที รวมถึงระบบสัญญาณเสียงเมื่อปิดประตูไม่สนิท
ที่เล่ามาจนถึงบรรทัดนี้ต้องบอกเลยว่า อุปกรณ์และฟังก์ชั่นการใช้งาน “ยังไม่หมด ... และมีอีกเพียบ” ฉะนั้นแล้วลองไปสัมผัสด้วยตัวเองกับ “มิตซูบิชิ แอททราจ” ได้ที่โชว์รูมมิตซูบิชิทั้ง 168 แห่งทั่วประเทศ
ราคาค่าตัวก็เริ่มต้น “เบาๆ” อยู่ที่ 4.43-5.82 แสนบาทเท่านั้น โอกาสต่อไป “โพสต์ทูเดย์” จะได้นำรายงานผลการลองขับมาให้ผู้อ่านได้ติดตามกันในเร็ววันนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น