วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

มิตซูบิชิ ไทรทัน 2013 เชื่อในพลัง มั่นในสไตล์

มิตซูบิชิ ไทรทัน 2013 เชื่อในพลัง มั่นในสไตล์

มิตซูบิชิ ได้เปิดตัวกระบะสายพันธุ์แกร่ง "ไทรทัน" มาเป็นระยะเวลานานพอสมควรแล้ว ในปี 2013 ยังคงเดินหน้าทำการตลาดอย่างเต็มที่ ด้วยการปรับแต่งเพิ่มอารมณ์สปอร์ตให้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเสริมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และความเพลิดเพลินในการเดินทางเข้าไปอีก

ถ้าย้อนไปเมื่อครั้งมิตซูบิชิ เปิดตัว "ไทรทัน" ก็ได้พิสูจน์ถึงความแกร่งตั้งแต่เริ่มเปิดตัว โดยจัดทีมทดสอบเดินทางจากประเทศไทย ผ่าน สปป.ลาว เข้าจีน มองโกเลีย ไปจนถึงรัสเซีย แล้วขับกลับมาเข้าร่วมงานเปิดตัว ซึ่งเป็นการเปิดตัวที่พิสูจน์ให้เห็นสมรรถนะอันสุดยอดของมิตซูบิชิ ไทรทัน ที่ฟันฝ่าได้ทุกสภาพเส้นทาง และทุกสภาพอากาศ

ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ออกแบบได้อย่างโฉบเฉี่ยว ลบล้างภาพเก่าๆ ของรถในแบบปิกอัพไปอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่กระจังหน้า ไฟหน้า กันชนที่โอบเข้ากับเส้นสายซุ้มโปร่งล้อได้อย่างพอดีและลงตัว ส่วนหัวเก๋งจากเส้นแนวตรงเปลี่ยนมาเป็นแนวโค้ง แต่ก็ไม่ทำให้พื้นที่ของส่วนกระบะลดน้อยลงในการบรรทุกสัมภาระ ไฟท้ายดีไซน์ทันสมัยแบบชิ้นเดียวแต่โค้งเข้ามาในส่วนด้านข้างของตัวรถ ทั้งนี้ในโมเดลปี 2013 เสริมมาดเข้มด้วยกรอบกระจกมองข้างแบบโครเมียมและไฟเลี้ยวในตัวที่สามารถพับและปรับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมคิ้วข้างประตูสไตล์สปอร์ตสีเดียวกับตัวรถ และไฟตัดหมอกหน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับทุกรุ่น (ยกเว้นรุ่นซิงเกิลแค็บ) รวมถึงกรอบไฟตัดหมอกสีเดียวกับตัวรถในรุ่น GLS และโป่งข้างสีเดียวกับตัวรถในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูงและขับเคลื่อน 4 ล้อ

ภายในห้องโดยสารนับได้ว่าเป็นจุดเด่นของมิตซูบิชิ ไทรทัน โมเดล 2013 ให้สมกับแนวคิด "เชื่อในพลัง มั่นในสไตล์" เติมเต็มความเป็นสปอร์ตด้วยการตกแต่งภายในด้วยโทนสีดำ เบาะผ้าทูโทนสีใหม่เข้มขึ้น เฉพาะรุ่น GLX (ยกเว้นรุ่นซิงเกิลแค็บ) และเบาะหนังสไตล์สปอร์ตสีดำเหมาะกับทุกสรีระที่มาพร้อมพวงมาลัยแบบ 3 ก้าน และหัวเกียร์หุ้มหนัง เฉพาะรุ่น GLS ให้อารมณ์สปอร์ตและโดดเด่น ยิ่งขึ้นด้วยแผงหน้าปัดเสริมโครเมียมเป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่น ยกเว้นรุ่นซิงเกิลแค็บ เพิ่มความสะดวกในการขับขี่ในระยะทางไกลด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise control) เฉพาะรุ่นเกียร์อัตโนมัติ พร้อมสวิตช์ควบคุมวิทยุที่พวงมาลัย ในรุ่น GLS ทุกรุ่น เพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบล็อกเกียร์ Electric Shift lock ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ระบบเครื่องเสียงใหม่ (M9) เครื่องเล่นวิทยุ ซีดี ดีวีดี เอ็มพี 3 พร้อมช่องต่ออุปกรณ์ USB สามารถเชื่อมต่อ iPod/iPhone สำหรับรุ่นเมกะแค็บพลัส และดับเบิลแค็บพลัส ทุกรุ่น ยกเว้น 2.5 GLX และเครื่องเล่นวิทยุ ซีดี เอ็มพี 3 พร้อมช่องต่ออุปกรณ์ AUX และ USB สามารถเชื่อมต่อ iPod/iPhone ได้ ยกเว้นรุ่นซิงเกิลแค็บ 3.2 GL

ขุมพลังถึงพร้อมด้วยสมรรถนะและให้การประยัดน้ำมันเป็นเยี่ยมจากเครื่องยนต์ 2 แบบให้เลือก ทั้งเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร DI-D ไฮเปอร์คอมมอนเรล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว วีจี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ พร้อมท่อร่วมไอดีแบบทวิน อินเทคแมนิโฟลด์ ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-2,850 รอบต่อนาที สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-3,500 รอบต่อนาที สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ สำหรับรุ่น GLS, GLS Ltd. และรุ่นซิงเกิลแค็บ 2.5 GLX ขับเคลื่อน 4 ล้อ จึงตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการกำลังและความประหยัดในเวลาเดียวกัน

2.5 DI-D ไฮเปอร์คอมมอนเรล DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ให้พละกำลังสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 321 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที สำหรับรุ่น GLX ขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกสูง และรุ่น GLS ขับเคลื่อน 4 ล้อ
2.5 DI-D ไฮเปอร์คอมมอนเรล DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ให้พละกำลังสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-3,000 รอบต่อนาที สำหรับรุ่น GL ขับเคลื่อน 2 ล้อ และรุ่น GLX
เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร MPI SOHC ให้พละกำลังสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 5,250 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 194 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที รองรับน้ำมันเบนซิน 91, 95 และแก๊สโซฮอล์ 91-95, แก๊สโซฮอล์ อี 20 พร้อมการติดตั้งระบบ CNG ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อและรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกสูง

ถ่ายทอดกำลังด้วยระบบเกียร์อัจฉริยะ 5 จังหวะ พร้อม Sportronic ที่สามารถเลือกปรับเปลี่ยนเกียร์ได้ตามความต้องการในรุ่น GLS และ GLS-Ltd.

ระบบพวงมาลัยเป็นแบบแร็กแอนด์พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรง ส่วนระบบกันสะเทือน ด้านหน้าอิสระ แบบปีกนกสองชั้น พร้อมคอยล์สปริง ด้านหลังแหนบแผ่นซ้อน พร้อมโช้กอัพไขว้ ให้การยึดเกาะที่ดีเยี่ยมทุกสภาพถนน
เสริมความปลอดภัยด้วยแชสซีส์ไฮเปอร์เฟรม เหล็กกล้าขนาดใหญ่ ตอบสนองทุกสภาพเส้นทางและการบรรทุก แกร่งสุดด้วยแชสซีส์ขึ้นรูปประกบ 2 ชั้น ไร้รอยต่อตลอดความยาว ป้องกันการโค้งงอและบิดตัวเพิ่มขึ้น ตัวถังนิรภัยเหล็กกล้า RISE Body นอกจากนี้ยังเสริมด้วยถุงลมนิรภัย ระบบเบรก ABS, EBD และระบบ LSPV (เฉพาะรุ่น)
ทางด้านข้อเสนอพิเศษไทรทันในช่วงนี้ รุ่นดับเบิลแค็บ ฟรี iPad mini 16 GB Wi-Fi และบัตรกำนัลมูลค่า 15,000 บาท หรือนำรถเก่าแลกรถใหม่ เพิ่มมูลค่า 25,000 บาท หรือดอกเบี้ยต่ำ 1.79% ทุกข้อเสนอฟรีพรมปูพื้น และประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี
ไทรทัน เมกะแค็บ ฟรี iPad mini 16 GB Wi-Fi และบัตรกำนัลมูลค่า 25,000 บาท หรือนำรถเก่าแลกรถใหม่ เพิ่มมูลค่า 35,000 บาท ทุกข้อเสนอฟรีพรมปูพื้น และประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี

ไทรทัน ซิงเกิลแค็บ รับบัตรกำนัลมูลค่า 10,000 บาท พร้อมผ้ายางปูพื้น และประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี วันนี้-31 ก.ค.56 ที่โชว์รูมรถยนต์มิตซูบิชิทั่วประเทศ

สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมิตซูบิชิ "ไทรทัน" ได้ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ 186 แห่งทั่วประเทศ หรือมิตซูบิชิ Call Center หมายเลขโทรศัพท์ 1800 900 009 ฟรี เฉพาะโทรศัพท์พื้นฐาน และโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่าย AIS หรือ โทร.0-2529-9500 ในวันและเวลาทำการ หรือที่ www.mitsubishi-motors.co.th

มิตซูบิชิ แอททราจ ราคาแรง ออปชั่นจัดเต็ม

มิตซูบิชิ แอททราจ ราคาแรง ออปชั่นจัดเต็ม



ในที่สุดค่ายมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ก็ได้ฤกษ์ลุยก๊อกสองตลาดรถอีโคคาร์

ด้วยการเปิดตัวอีโคคาร์ตัวที่สองออกสู่ตลาด นั่นคือ “มิตซูบิชิ แอททราจ” (ATTRAGE) ซึ่งมาในสไตล์เก๋งซีดาน 4 ประตู

ภายหลังจากที่ปีที่แล้วได้เปิดตัวอีโคคาร์ตัวแรกไปแล้ว ได้แก่ มิตซูบิชิ มิราจ โดดเด่นในสไตล์แฮตช์แบ็ก 5 ประตู

สำหรับชื่อรุ่น “แอททราจ” มาจากคำภาษาอังกฤษว่า Attractive หมายถึง “ความมีเสน่ห์ ดึงดูดใจ”

เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า “แอททราจ” เป็นรถยนต์นั่งที่จะสามารถดึงดูดใจผู้ใช้รถกลุ่มต่างๆ จากคุณสมบัติหลัก 3 ประการ คือ ประหยัดน้ำมันสูงสุด คล่องตัวในการขับขี่ และห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบาย

ตัวถังมาในแพล็ตฟอร์มเดียวกับมิตซูบิชิมิราจ แต่ได้ยืดให้ยาวขึ้นในสไตล์รถเก๋งซีดาน ซึ่งเป็นตลาดรถที่มีขนาดใหญ่กว่า ขณะเดียวกัน ยังมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำเพียง 0.29 ซึ่งถือว่าดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน

ทำให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) เชื่อมั่นว่ารถอีโคคาร์ตัวใหม่นี้จะไปโลด

เครื่องยนต์ใช้บล็อกเดียวกันคือขนาด 1.2 ลิตร แบบ 3 สูบ DOHC MIVEC 12 วาล์ว ให้ขุมพลัง 78 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที

รองรับทั้งเบนซิน 91 และ 95 แก๊สโซฮอล์ 91, 95 และ E20 แถมประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 22 กิโลเมตรต่อลิตร

รัศมีวงเลี้ยวที่แคบที่สุดเพียง 4.8 เมตร จึงให้ความคล่องตัวในการขับขี่ ง่ายต่อการเลี้ยว กลับรถ และถอยจอดในพื้นที่จำกัด

มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ออโต INVECS-III CVT

ยังมาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานรถยนต์มากมาย

ห้องโดยสารภายในมีพื้นที่กว้างขวาง นั่งสบายในทุกตำแหน่ง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพียบ โดยเฉพาะรุ่นตัวท็อป GLS Ltd. จัดให้เบาะหนังสีเบจ มีเครื่องเล่นดีวีดีพร้อมจอทัชสกรีน 6.5 นิ้ว และกล้องมองหลัง เป็นต้น

สนนราคารุ่น GLX เกียร์ธรรมดา 443,000 บาท และเกียร์ออโต 477,000 บาท, GLS เกียร์ออโต 530,000 บาท และตัวท็อป GLS Ltd.เกียร์ออโต 582,000 บาท

เฉพาะช่วงแนะนำ 9,000 คันแรกยังลดให้อีก 10,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 “ไดมอนด์ โปรเทคชั่น” และข้อเสนอพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย

เปิดรับจองแล้ววันนี้ที่โชว์รูมมิตซูบิชิทั่วประเทศ ก่อนจะเปิดตัวเป็นทางการวันที่ 4-7 ก.ค.นี้


โดยพร้อมส่งมอบถึงมือนักเลงรถตั้งแต่ ก.ค.นี้เช่นกัน!!!

วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556

MITSUBISHI เสนอแคมเปญซื้อรถแจก IPAD พร้อมประกันภัยชั้น 1

MITSUBISHI เสนอแคมเปญซื้อรถแจก IPAD พร้อมประกันภัยชั้น 1

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เผยตลาดเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติหลังจบโครงการรถคันแรก เร่งเดินหน้าจัดกิจกรรมทางการตลาดกระตุ้นยอดขาย พร้อมส่งข้อเสนอใหม่ จองรถวันนี้รับฟรี iPad mini ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง บัตรกำนัล หรือเลือกนำรถเก่าแลกรถใหม่เพิ่มมูลค่า และข้อเสนอพิเศษอีกเพียบเมื่อซื้อรถยนต์มิตซูบิชิตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ ที่โชว์รูมรถยนต์มิตซูบิชิทั่วประเทศ

นายโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมของตลาดรถยนต์ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า มีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่ตลาดรถยนต์มีการเติบโตอย่างมาก โดยในส่วนของมิตซูบิชินั้นมียอดขายรวมอยู่ที่ 7,221 คัน ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมาซึ่งมียอดขายอยู่ที่ 7,275 โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดยังคงเป็นมิตซูบิชิไทรทัน และมิราจ ซึ่งมียอดขายอยู่ที่ 3,094 คัน และ 2,702 คัน ตามลำดับ ทั้งนี้บริษัทได้เตรียมพร้อมรับมือกับตลาดในปีนี้ที่คาดว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งในรูปแบบของการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ การจัดกิจกรรมทางการตลาด พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษให้กับลูกค้าในโอกาสต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นยอดขาย การแข่งขันของตลาดในปีนี้จะรุนแรงกว่าปีที่แล้ว หลังจากไม่มีแรงกระตุ้นจากนโยบายรถคันแรกแล้ว


ทั้งนี้เพื่อรองรับการแข่งขันดังกล่าว ในปีนี้เราได้เตรียมแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยไฮไลต์ของปีนี้จะเป็นรถยนต์อีโคคาร์ ซีดาน ซึ่งผมเชื่อว่าจะสร้างสีสันให้กับตลาดรถยนต์กลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี ภายหลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการแนะนำรถมิราจเมื่อปีที่ผ่านมา นอกจากนี้เราจะยังคงจัดกิจกรรมการตลาดในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดกิจกรรมโรดโชว์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญและดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการร่วมมือกับผู้จำหน่ายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จัดกิจกรรมทั้งที่โชว์รูม ห้างสรรพสินค้า และซูเปอร์สโตร์ต่างๆ โดยจะเน้นเพิ่มความถี่และคุณภาพในการจัดกิจกรรมให้มากยิ่งขึ้นเพื่อขยายฐานลูกค้า และเพิ่มการรับรู้ของผู้บริโภคในกลุ่มที่กว้างขึ้น พร้อมๆ ไปกับการมอบข้อเสนอพิเศษให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี จึงได้จัดเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิในเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคมนี้ว่า จะได้รับฟรี iPad mini ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อมบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 25,000 บาท หรือนำรถเก่ามาแลกรถใหม่เพิ่มมูลค่า พร้อมข้อเสนอพิเศษอีกมากมาย.

มิตซูบิชิ Lancer EX รออะไหล่ 3 เดือน ถือว่าธรรมดาหรือเปล่าคะ

มิตซูบิชิ Lancer EX รออะไหล่ 3 เดือน ถือว่าธรรมดาหรือเปล่าคะ

ออก Mitsubishi Lancer EX 1.8 สีแดงออกมา เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 10 ก.พ 2555 รถเสียหลัก หมุนไปชนกับรถกะบะอีกคัน ผลออกมาเป็นตามรูปนะคะ

เราทำประกันภัยซ่อมห้างไว้ เลยเอารถเข้าไปที่ศูนย์มิตซู ซ่อมสีตัวถังที่พัทยา ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ 2555 จนถึงตอนนี้ รถยังไม่ได้ซ่อมหรือทำอะไรเลย เนื่องจากเจ้าหน้าที่บอกคำเดียวว่า "อะไหล่ยังไม่มา และ อะไหล่ยังมาไม่ครบ"

สอบถามเพื่อน ๆ ค่ะ ปกติ ถ้าเราซ่อมประมาณนี้ การที่รออะไหล่ 3 เดือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาหรือเปล่าคะ เวลาเพื่อน ๆ เข้าศูนย์ หรือมีเหตุต้องซ่อม รอกันนานแบบนี้หรือเปล่าคะ (เพราะคันก่อน เราเป็นโตโยต้า ก็รอนานเต็มที่คือ 1 เดือนครึ่ง)

เราเสียความรู้สึกอย่างหนึ่งว่า นี่ขนาดเป็นรถใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัว หรือ ยังขายอยู่ปัจจุบัน มิตซู ยังไม่สามารถมีอะไหล่ซัพพอร์ทให้กับลูกค้าเลยเหรอเนี่ย

วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ปาเจโร่ สปอร์ต ขับเคลื่อนสองล้อ รถอเนกประสงค์สำหรับคนเมือง

ปาเจโร่ สปอร์ต ขับเคลื่อนสองล้อ รถอเนกประสงค์สำหรับคนเมือง


ยังคงเป็นรถอเนกประสงค์ประเภทพีพีวี หรือรถที่มีโครงสร้างพื้นฐานมาจากรถปิกอัพ ที่มีเสียงตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ สำหรับ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต

แม้ว่า ปาเจโร สปอร์ต จะไม่ได้ขายดิบขายดีจนเป็นแชมป์ยอดขายรถประเภทนี้ แต่ก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในกลุ่มลูกค้าที่ชอบรถที่มีความลงตัวในหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องสมรรถนะเครื่องยนต์ ความประหยัด ช่วงล่าง ระบบควบคุม เบรก ความกว้างขวาง และล่าสุด เพิ่มเรื่องความสะดวกสบาย แถมราคายังสู้กับคู่แข่งรายอื่นได้อย่างสบายอีกต่างหาก

มีหลายคนเคยมาถามว่า Pajero Sport เป็นไงบ้าง ไหวมั้ย อาจจะเป็นเพราะคนถามไม่แน่ใจ เนื่องจากมีคู่แข่งเป็นยักษ์ใหญ่ มีกำลังสูงในเรื่องการโฆษณาและการอัดแคมเปญ แต่คงไม่ต้องบอกว่าเป็นยี่ห้ออะไร รุ่นอะไร เพราะรถประเภทนี้มีไม่กี่รุ่นอยู่แล้ว

แต่ก็ตอบไปแบบไม่ต้องคิดมากว่า ได้เลย ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบใช้รถเน้นการใช้งานคุ้มค่า ปาเจโร สปอร์ต ตอบโจทย์คุณได้

ที่ผ่านมาเคยทดลอง ปาเจโร สปอร์ต ในรูปแบบการขับขี่ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งทางไกลขับไปถึงเชียงคาน ทั้งทางลุยไปถึงน้ำตกเต่าดำ เขตแดนระหว่างจังหวัดตากกับแม่ฮ่องสอนมาแล้ว

มาคราวนี้มีโอกาสได้ทดลองขับในรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ เน้นสำหรับลูกค้ากลุ่มครอบครัวใช้ชีวิตในเมืองส่วนใหญ่ จะวิ่งต่างจังหวัดบ้างเป็นครั้งคราว แต่ไม่ถึงกับไปลุยป่าฝ่าดงอะไร

ปาเจโร สปอร์ต รุ่นระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ออกแบบภายนอก เหมือนกับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะแตกต่างกันที่ขนาดยาง ขับเคลื่อนสี่ล้อจะใหญ่กว่า

ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจ็กเตอร์และหลอดไฟ HID ให้ความสว่างดี พร้อมระบบปรับระดับลำแสงอัตโนมัติ แถมเวลาขับกลางคืน ไฟหน้าจะกระจายออกด้านข้าง ทำให้ช่วยมองเห็นสิ่งแปลกปลอมที่จะวิ่งเข้ามาขวางถนนได้ด้วย

มีระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ตามสภาพแสงภายนอก และติดตั้งระบบน้ำฉีดล้างไฟหน้ารถเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่องสว่างของไฟหน้ารถ

รวมถึงระบบที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ในรุ่น GT ปาเจโร สปอร์ตรุ่นปี 2013 ยังเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยการติดตั้งสัญญาณกะระยะจอดขณะถอยหลังแบบ 4 จุด พร้อมกรอบกระจกมองข้างแบบโครเมียมพร้อมไฟเลี้ยวดีไซน์ใหม่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับทุกรุ่น

เสริมมาดเข้มด้วยสปอยเลอร์หลังสไตล์สปอร์ต พร้อมกล้องมองภาพหลังขณะถอดเพิ่มทัศนวิสัยของผู้ขับขี่จอด เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเฉพาะรุ่น GT

การออกแบบภายในกว้างขวาง ตกแต่งภายในโทนสีดำเฉพาะรุ่น GT

เบาะนั่งแบบ 3 แถว รองรับผู้โดยสาร 7 ที่นั่ง ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ง่ายถึง 5 รูปแบบ เบาะที่นั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าได้ถึง 8 ทิศทาง (เฉพาะรุ่น GT)

ขณะที่เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถแยกพับพนักพิงแบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้มากขึ้น เช่นเดียวกับเบาะนั่งแถวที่ 3 แยกพับแบบ 50:50 ราบกับพื้นห้องโดยสาร เพื่อให้การเก็บสัมภาระด้านหลังรถที่มากขึ้น พร้อมระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3 ให้ความเย็นทั่วห้องโดยสาร

มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise control) พร้อมสวิตช์ควบคุมวิทยุที่พวงมาลัย เฉพาะรุ่น GT

อย่างที่บอกไปว่า ปาเจโร สปอร์ต รุ่นใหม่ เพิ่มความสะดวกสบายด้วยเทคโนโลยีอุปกรณ์ความบันเทิงพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่น DVD,VCD,CD MP 3 รุ่นใหม่ที่ง่ายต่อการใช้งาน เพราะใช้จอระบบสัมผัสหรือทัชสกรีน ขนาด 7 นิ้ว พร้อมช่องต่ออุปกรณ์ USB สามารถเชื่อมต่อ ไอพอด ไอโฟน พร้อมจอภาพแอลอีดี (LED) แบบ ไวด์ สกรีน (WIDE Screen) ขนาดใหญ่ 10.2 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่น GT

เพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบล็อกเกียร์ (Electric Shift lock) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร DI-D ไฮเปอร์คอมมอนเรล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว วีจี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ พร้อมท่อร่วมไอดีแบบทวิน อินเทคแมนิโฟลด์ ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-3,500 รอบต่อนาที ให้ทั้งสมรรถนะและความประหยัดในระดับที่ใช้ได้ทีเดียว

ระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ INVECS II พร้อมสปอร์ตทรอนิก (Sportronic) ระบบเกียร์ที่ตอบสนองได้รวดเร็ว เรียนรู้และจดจำรูปแบบการขับขี่ ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างเหมาะสม ทำให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น มาพร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย แพดเดิล ชิฟท์ (Paddle Shift) ในรุ่น GT เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ โดยเฉพาะในยามเร่งแซง

นอกจากนี้ ยังมีใบปัดน้ำฝนปรับความเร็วอัตโนมัติในกรณีที่ฝนตกและผู้ขับขี่เปิดที่ปัดน้ำฝนในตำแหน่งปัดหยุด เมื่อรถใช้ความเร็วเกิน 60 กม./ชม. ที่ปัดน้ำฝนจะเปลี่ยนเป็นจังหวะที่ 1 ให้โดยอัตโนมัติ และจะกลับมาที่ตำแหน่งปัดหยุดเหมือนเดิมเมื่อความเร็วต่ำกว่า 60 กม./ชม.

ระบบปลดล็อกด้วยรีโมต ช่วยให้สามารถปลดล็อกและล็อกรถได้จากระยะไกล สัญญาณเตือนลืมปิดไฟหรี่หน้าถ้าผู้ขับลืมปิดไฟหรี่หน้า หลังจากดับเครื่องยนต์แล้วเปิดประตู เสียงสัญญาณจะดังเตือนขึ้น

ระบบตัดการทำงานไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟหน้ารถจะดับเองอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์และเปิดประตูช่วยให้ประหยัดไฟในแบตเตอรี่

ระบบหน่วงเวลาปิดไฟในห้องโดยสารหลังจากดับเครื่องยนต์แล้วปิดประตู ไฟในห้องโดยสารจะค่อยๆ หรี่ดับลงเพิ่มความสะดวกในการตรวจสอบสัมภาระภายในรถ

ระบบหน่วงเวลาเปิด-ปิดกระจกไฟฟ้าหลังดับเครื่องยนต์ กระจกไฟฟ้าจะยังคงสามารถเปิด-ปิดต่อไปได้อีกภายใน 30 วินาที

ระบบเซ็นทรัลล็อก ผู้ขับสามารถเปิดหรือปิดล็อกประตูทุกบานโดยปุ่มควบคุมที่ประตูด้านผู้ขับ

ปาเจโร่ ขับเคลื่อนสองล้อ ตั้งราคาไว้ที่ รุ่น 2.5 GLS 5AT 1,021,000 บาท และรุ่น 2.5 GT 5AT 1,209,000 บาท

สยอง! มิตซูบิชิไทรทัน ประสานงากันเองดับ 5 ศพ สาหัสอีก 2

สยอง! มิตซูบิชิ ไทรทัน ประสานงากันเองดับ 5 ศพ สาหัสอีก 2


       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 มิ.ย.) เวลา 04.00 น. ร.ต.ท.วิชัย ศิริวงศ์ ร้อยเวร สภ.บ้านแพง จ.นครพนม รับแจ้งเกิดอุบัติรถกระบะชนกันมีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บบริเวณถนนหลวงหมายเลข 212 สายนครพนม-อำเภอบ้านแพง จ.นครพนม จึงประสานงานไปยังแพทย์เวร โรงพยาบาลอำเภอบ้านแพง อาสาสมัครกู้ภัยพระธาตุพนม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบช่วยเหลือ
     
       ในที่เกิดเหตุ พบรถยนต์กระบะ Mitsubishi Triton สีดำ 4 ประตู ทะเบียน กข 7476 นครพนม ชนประสานงากับรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บจ 7851 มุกดาหาร บริเวณถนนหลวงหมายเลข 212 สายนครพนม-อำเภอบ้านแพง ในเขตบ้าน ไชยศรี ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม ทำให้รถทั้ง 2 คันเสียหายอย่างหนัก อุบัติเหตุดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ รวม 5 ราย
     
       ภายหลังเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านแพง พร้อมด้วยชุดกู้ชีพโรงพยาบาลอำเภอบ้านแพง และอาสาสมัครกู้ภัยพระธาตุพนมได้เข้าไปตรวจสอบช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ พบมีผู้เสียชีวิตติดภายในรถมิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ 4 ประตู ทะเบียน กข 7476 นครพนม จำนวน 3 ราย บาดเจ็บสาหัส 2 ราย ถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอบ้านแพง จ.นครพนม
     
       ส่วนคู่กรณี เป็นรถยนต์กระบะมิตซูบิชิไทรทัน สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บจ 7851 มุกดาหาร มีผู้เสียชีวิตติดในรถเป็นชายรวม 2 ราย
     
       เบื้องต้นจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า รถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ4 ประตู ทะเบียน กข 7476 นครพนม คนขับคือ นายชุมพล สิงคะ วัย 40 ปี ชาว อ.บ้านแพง จ.นครพนม โดยได้ขับรถมุ่งหน้ากลับมาจาก จ.ขอนแก่น เพื่อกลับบ้าน อ.บ้านแพง จ.นครพนม มี นางสุจิตรา สิงคะ อายุ 35 ปี ภรรยา รวมถึงพ่อ บุตรชาย และน้องสาวนั่งมาด้วย
     
       จนกระทั่งถึงที่เกิดเหตุได้ชนประสานงากับรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บจ 7851 มุกดาหาร ที่ขับสวนมาเป็นเหตุให้ นายชุมพล สิงคะ วัย 40 ปี พร้อมครอบครัวที่นั่งมาด้วยเสียชีวิต ส่วนภรรยากับน้องสาว ได้รับบาดเจ็บสาหัส
     
       ขณะที่คู่กรณีอีกคันมีผู้เสียชีวิตติดในรถเป็นชายอีก 2 ราย ยังไม่ทราบชื่อ ตรวจสอบเป็นรถช่างซ่อมนาฬิกา ซึ่งตำรวจกำลังเร่งสอบสวนหาสาเหตุ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป